คราฟท์ ไฮนซ์เผยสูตรลับ ตั้งเป้าโตใน 5 ปี

23

กรุงเทพฯ 6 มีนาคม 2563 – บริษัท ไฮนซ์ ไทยแลนด์ ลิมิเต็ด (Heinz Thailand Limited) เจ้าของแบรนด์ “คราฟ ไฮนซ์” (Kraft Heinz) แบรนด์อาหารระดับโลกกว่า 150 ปี เดินหน้าขยายธุรกิจในอาเซียนด้วยวิสัยทัศน์ที่จะเป็น บริษัทผลิตอาหารชั้นเลิศ เพื่อโลกใบนี้ที่ดีกว่า (The Best Food Company, Growing a Better World) โดยเปิดหน่วยธุรกิจใหม่ที่เรียกว่า เอแพค เอ็กซ์ปอร์ตส (APAC Exports) ตั้งเป้าโตภายใน 5 ปี พร้อมนำผลิตภัณฑ์คุณภาพสู่ทุกครัวเรือนในเอเชีย

Advertisement

มร. โจอาว เลเตา กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจ เอแพค เอ็กซ์ปอร์ตส บริษัท ไฮนซ์ ไทยแลนด์ ลิมิเต็ด กล่าวว่า “เอแพค เอ็กซ์ปอร์ตส ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดูแลธุรกิจการนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์คราฟ ไฮนซ์ และแบรนด์ในเครือ ไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึง อินเดีย ฮ่องกง ไต้หวัน อเมริกา และทวีปยุโรป ซึ่งประกอบไปด้วยแบรนด์ระดับโลกที่มีประวัติและเป็นที่รู้จักมากอย่างยาวนานอย่าง ไฮนซ์และคราฟท์ (Heinz & Kraft) ลีแอนด์เพอริน (Lea & Perrins), และแบรนด์ขายดีในตลาดเอเชียอย่าง เอบีซี (ABC) จากตลาดอินโดนีเซีย วัตตี้ส์ (Watties) และโกลเด้น เซอร์เคิล (Golden Circle) จากตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และมาสเตอร์ (Master) จากตลาดจีน

เรามองว่าตลาดอาหารมีการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งรู้จักกันดีในฐานะ “ครัวของโลก” (Kitchen of the World) ซึ่งแม้ว่าจะเป็นความท้าทาย เพราะตลาดเอเชียนั้นมีความหลากหลายอย่างมาก แต่ในฐานะ แบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร นี่คือโอกาสสำคัญที่จะมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงจากแบรนด์ระดับโลกให้กับทุกครัวเรือนในเอเชีย ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเรามีทั้งซอสจากตะวันตกอย่าง ซอสมะเขือเทศไฮนซ์ ซึ่งเป็นซอสมะเขือเทศยี่ห้อโปรดของผู้คนมากมาย ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก และซอสจากตะวันออกอย่าง ซอสหอยนางรมไฮนซ์ และซอสถั่วเหลืองเอบีซี อีกด้วย”

ในภูมิภาคที่มีความหลากหลายอย่างเอเชีย ฮ่องกง ไทย และมาเลเซีย ถือเป็นตลาดสำคัญของคราฟท์ ไฮนซ์ ในขณะที่ อินเดีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง ในประเทศไทยเอง คราฟท์ ไฮนซ์ มีเป้าหมายในการเป็นแบรนด์โปรดในใจของคนไทยทุกคน ซึ่งซอสมะเขือเทศไฮนซ์ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการบุกตลาด ซึ่งซอสมะเขือเทศไฮนซ์เป็นซอสมะเขือเทศที่ขายดีเป็นอันดับต้น ๆ ในตลาดไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 19% และยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคแต่ละพื้นที่เป็นอย่างดี คราฟท์ไฮนซ์ได้เปิดตัว ซอยหอยนางรมไฮนซ์ในประเทศไทย และซอสเอบีซี กีแคป มานิส (ABC Kicap Manis) ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งการเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งสองชนิดจากแบรนด์นั้นตรงกับแนวทางของแบรนด์ในการให้ความสำคัญกับพฤติกรรมและความต้องการของตลาดและผู้บริโภคท้องถิ่น และเรื่องนวัตกรรมของแบรนด์อีกด้วย”

มร เลเตา กล่าวเสริม “ในฐานะองค์กร เราเชื่อว่า “คน” คือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จ ที่นี่เรามีหลักการบริหารที่ทำให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อธุรกิจและต่อคนในองค์กร โดยให้คุณค่ากับระบบ “คุณธรรมนิยม” (Meritocracy) ซึ่งมุ่งสนับสนุนคนตามความสามารถและทักษะ เพื่อให้คนในองค์กรได้นำความสามารถของตัวเองออกมาใช้อย่างสูงสุด เพื่อที่จะได้เติบโต มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และพาองค์กรและตัวเองไปยังจุดหมายที่ตั้งไว้ได้

ไม่เพียงเท่านั้น คราฟท์ ไฮนซ์ ยังเป็นองค์กรที่มีความหลากหลายอย่างมาก เนื่องด้วยบุคลากรขององค์กรนั้นมีความต่างทางด้านเชื้อชาติและเพศ เราเชื่อและให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นด้วยการมีผู้บริหารระดับสูงที่เป็นหญิงมากกว่าชาย และมีถึง 5 เชื้อชาติ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน ให้คนในองค์กรเคารพซึ่งกันและกัน สามารถอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความแตกต่าง เราเชื่อว่าความหลากหลายทางเชื้อชาติคือส่วนผสมลับที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จ” มร. เลเตากล่าวสรุป

Advertisement