ผ่านพ้นไปแล้วกับบรรยากาศสุดอบอุ่น สำหรับงานฉลองมงคลสมรสของร็อคเกอร์ชื่อดัง ตูน บอดี้สแลม กับแฟนสาว ก้อย รัชวิน ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก โดยบ่าว–สาว ป้ายแดง จูงมือกันมาเปิดใจกับสื่อมวลชนว่า ดีใจในที่สุดก็มีวันนี้ได้ หลังคบหาดูใจกันมายาวนานกว่าปี ปั๊มลูกเลย เพราะอายุเยอะแล้ว วางแพลนใช้ชีวิตครอบครัวที่ต่างจังหวัด ส่วนเจ้าสาว ก้อย รัชวิน ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ตลอดระยะที่คบกันมาไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรทั้งเรื่องร้ายหรือเรื่องดี หนุ่มตูน ก็ไม่เคยหนีไปไหน
ก้อย : “ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง จริงๆ ไม่ได้นอน พยายามข่มตาให้หลับ มันก็ไม่หลับ พอได้มาเจอเพื่อนๆ ญาติ เห็นคุณพ่อคุณแม่ทั้งสองคนมันเป็นโมเมนต์ที่ยากจะบรรยาย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง”
ตูน : “จริงๆ ก็คืนก่อนวันแต่งงาน เขาก็จอมเซอร์ไพรส์อยู่แล้ว โอกาสต่างๆ เขาก็จะสรรหาจังหวะ พอเราบอกว่าอยากได้อะไรแล้วเขาก็จะเก็บไว้แล้วก็เอามาปล่อยเป็นไม้เด็ดตลอด ก้อยจอมเซอร์ไพรส์เขาก็ได้ทำงานของเขา ตลอด 10 ปีที่คบกันมาเขาไมได้ทำเซอร์ไพรส์ให้ผมคนเดียว ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในวงจรีวิตเขาเขาก็จะทำ ที่จะมอบความสุขให้คนของเขา ต่างจากผมที่จะไม่ค่อยได้เทคแคร์เท่าไหร่ แล้วเราคิดว่าอันนี้มันสอนเราแล้วทำให้เรามองตัวเองแล้วอยากให้เราทำแบบนี้บ้าง อยากเป็นผู้ให้แบบนี้บ้าง”
ก้อย : “ก้อยเป็นคนที่ชอบเซอร์ไพรส์อยู่แล้ว ชอบเห็นคนที่รักเรามีความสุข แล้วก็เห็นว่าเป็นสำคัญของเราทั้งคู่ แล้วก็เป็นของขวัญที่พี่ตูนอบากได้ ก็เลยแอบไปหามาให้”
เกร็งไหมจากแฟนเป็นภรรยา?
ก้อย : “เราก็ต้องมีบทบาทที่มันเพิ่มเติมมากขึ้น ถามว่าเกร็งไหม มันก็เป็นอีกหนึ่งบทบาทใหม่ที่เราจะต้องเปลี่ยน และปรับตัวกันต่อไป เพราะ 10 ปีที่ผ่านมามันก็เป็นอะไรที่เราเรียนรู้กันไป เหมือนตอนนี้เราสอบเลื่อนขั้น เราจบ ม.6 แล้ว เราก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย”
ตูน : เราคบกันมา 10 ปี เราเป็นแฟนกันและเป็นลูกของพ่อแม่ เรายังไม่ได้แต่งงานกัน ยังไม่มีลูกที่จะต้องทำเพื่อเขา การที่เราแต่งงาน เราก็เหมือนว่าเรามาทำให้สมบูรณ์มากขึ้น ก็ตื่นเต้นที่จะได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย เพราะว่าเราก็ซ้ำชั้นมาหลายปี เพิ่งได้เรียนมหาวิทยาลัย เราคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ตื่นเต้นกับความรู้สึกใหม่ๆ ไม่ว่าสุดท้ายมันก็ไม่ได้เจออะไรแค่ด้านเดียว มันเจอความทุกข์แล้วเราจะจัดการกับมัน เพราะอย่างเราเราได้คำสอนดีๆ จากผู้ใหญ่ คำอวยพรคำสอนเราจะนำไปพัฒนา และจะทำมันให้ดีที่สุด”
ด่านประตูเงินประตูทองในพิธีตอนเช้า?
ตูน : “ด้วยความสัตย์จริง ผมคิดว่ามันจะยากกว่านี้นะครับ”
ก้อย : “หนูว่าเพื่อนหนูเกรงใจพี่ตูน เพราะว่าก้อยนะบอกเลยว่าเอาให้เต็มที่ จัดหนักได้เลย ให้เพื่อนครีเอทได้เลย แต่ก้อยก็ไม่รู้ว่าการกั้นประตูจะเป็นยังไง เพราะต้องซ่อนตัวอยู่เลยไม่รู้ว่าพี่ตูนต้องเจออะไรบ้าง”
ร้องเพลงคาถาบูชาเมียด้วย?
ตูน : “ประตูที่สองเขาเอาคาถามาให้เรา ก็ร้องเพลงในฉบับบอดี้สแลม ถามว่ากลัวไหม จริงๆ ใช้คำว่าเคารพภรรยามากกว่าครับ ไม่ใช่ว่าเคารพแบบผู้ใหญ่ แต่มันคือแปลว่าเคารพซึ่งกันและกัน กลัวไหมเกรงมากกว่า ให้เกียรติกันและกัน ก็เคารพกันพยายามประคับประคองมากกว่า (ร้องว่ายังไงบ้าง?) อะไรนะ ผมจำไม่ได้แล้ว
ก้อย : “ลืมเร็วจังเลยนะ เพิ่งเมื่อเช้าเองนะ (หัวเราะ)”
ก้อย : “ส่วนเรื่องสินสอด ก้อยไม่ได้สังเกตุเลยค่ะว่าพี่ตูนให้อะไร สำหรับก้อยมันไม่ได้สำคัญไปมากกว่าการที่เราได้อยู่ด้วยกันตรงนี้”
ตูน : “เราไม่ได้เป็นคนที่คบกัน1-2 ปีแล้วมาแต่งงานกัน เราเรียนรู้ด้วยกันมา 10 ปี มันเลยเป็นพื้นฐานที่ดีในการใช้ชีวิตคู่ระหว่างทางก้อยก็มักเป็นคนเติมเต็มให้ผม ไม่ว่าผมจะไปทำกิจกรรมอะไร แม้แต่ออกไปวิ่ง ตั้งแต่แรกเขาก็ไม่ได้ออกกำลังกาย ตากแดดตากลมกับเรา เขายอมลำบากที่จะเข้ามาอยู่ในวงจรชีวิตเรา เราก็เลยเคารพเขา เพราะว่ามันไม่ง่ายที่ใครจะมาอยู่กับผมได้กับชีวิตสุดโต่งของผม”
ก้อย : “พี่ตูนเป็นทุกอย่าง เป็นทั้งพี่ชายทั้งเพื่อนเป็นทั้งคนรัก พี่ตูนรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ทุกอย่างที่พี่ตูนทำมันทำให้ก้อยเปลี่ยนไปเป็นคนที่ดีขึ้น ทุกอย่างมันมาจากความรักและเราก็เคารพซึ่งกันและกัน สิ่งที่พี่ตูนทำกับครอบครัวกับแฟนเพลง การอ่อนน้อมถ่อมตัวมันเหมือนเป็นแบบอย่าง มันทำให้ก้อยโตขึ้นมากๆ ทำให้ก้อยเป็นก้อยที่ดีขึ้น นั้นแหละมันคือส่วนที่เติมเต็มที่ก้อยขาด การกระทำของเขามันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
มีคำสัญญาให้กันไหม?
ก้อย : “ไม่มีค่ะ เราไม่เคยสัญญาอะไรกัน”
ตูน : “ไม่มีครับ เราไม่เคยผูกพันกันด้วยคำพูด แต่เราคุยกันว่าเราจะมีลูกเลย”
อยากมีลูกกี่คน?
ตูน : “มันคือความฝันของผม อยากขยับขยายที่ทางของผม เราอาจจะมีความคิดอีกแบบหนึ่ง อาจจะไม่เห็นผมไปวิ่งไกลๆหรือปีนเสาคอนเสิร์ต เพราะว่าเราก็อยากจะอยู่กับลูก เป็นห่วงลูก แต่อันนี้อาจจะเป็นหรือไม่เป็นแบบบนั้นก็ได้ แต่เราก็อยากที่จะมีโมเมนต์แบบนั้น”
ก้อย : “ก้อยก็อยากให้ปล่อยไปตามวิถีชีวิต อยากสนุกไปกับมัน แต่แน่นอนว่าบทบาทในวงการบันเทิงอาจจะลดลง เพราะว่าเรามีน้องแล้ว เพราะว่าก้อยก็อยากทำอะไรแล้วก็ทำให้ดีไปเลย เพราะว่าถ้าเราเป็นแม่เราก็อยากจะเป็นแม่ที่ดีที่สุด เราก็อยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แต่วงการบันเทิงก็อาจจะทำต่อไปไม่ได้หายไปไหน แต่ก็อาจจะไม่ได้บ่อยไม่ถี่เหมือนเมื่อก่อน ต้องดูแลลูกดูแลพี่ตูนด้วย เราก็อาจจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่นด้วย ที่ไม่ใช่กรุงเทพ”
ตูน : “สัก 2 ปีครับ ก็รอบ้านเสร็จด้วยแต่ก็อยากให้เร็วที่สุดครับ”
เรามั่นใจว่าเราทำได้เรื่องลูก?
ตูน : “เราไปตรวจมาแล้วครับ”
ก้อย : “เราวางแผนไปตรวจมา แต่ว่าเราอยากจะใช้วิธีธรรมชาติ”
อยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย?
ก้อย : “ชายหญิงได้หมดไม่ซีเรียสเลยค่ะ”
ตูน : “อยากมีมากกว่าหนึ่งครับ แล้วก็ด้วยก้อนด้วย บางทีอายุ 37 ปีหน้า คนต่อไป 38 39 เราก็อยากมีแฝด มันอาจจะเป็นข้อดีสำหรับครอบครัวเรา”
ก้อย : “คือเราแพลนไว้ค่ะ แต่ว่าเราจะใช้ความสามารถของเราก่อน”
ธีมงานตอนเย็น?
ตูน : “บอกได้เลยว่าเดือดมากครับ เพื่อนๆ ผู้ใหญ่ที่สนับสนุน มันทำให้เรารู้ว่ามันเล็กม่ได้ เหมือนเป็วันที่ขอบคุณเขา ผมเลยอยากจจะจัดปาร์ตี้เพื่อให้เราได้มาเจอกัน แทนคำขอบคุณเพื่อให้เขามีความสุข วันนี้เป๊กมาหรือเปล่านะ (หัวเราะ)”
ก้อย : “แต่ว่าน้าเน็คบอกว่าเป๊กวงซีลทำไว้เท่าไหร่ น้าเน็คจะทำมากกว่านั้นนะคะ (หัวเราะ)”
แพลนฮันนีมูนที่ไหนยังไง?
ก้อย : “พี่ตูนมีแพลนวิ่งมาราธอนต่อ แต่ก้อยคงไม่ได้วิ่งด้วย แต่ก็มีหน้าที่ซับพอร์ทเหมือนเดิม”
อยากบอกอะไรกันไหม?
ตูน : “วันนี้สำหรับผมมันเกินจริงมาก ไม่คิดว่าจะมีภาพแบบนี้แม้กระทั่งงานตอนเช้า ผมไม่คิดว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพนั่งอวยพรอะไรก็แล้วแต่ ภาพวันนี้มันสวยงามมาก มันทำให้ผมมมีความสุขมากๆ และก็อยากขอบคุณเพราะมันคือความสุขมากๆ”
ก้อย : “จริงๆ คล้ายๆ กันนะคะ คือก่อนที่จะเริ่มต้นวันนี้เราก็ได้รับคำอวยพรจากผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ทุกคนก็พูดเหมือนกันว่าต่อจากนี้ไป ให้นึกถึงวันแรกที่เราเจอกัน ให้นึกถึงวันแรกที่เราตกหลุมรักกัน ในวันที่เรามีปัญหา เพราะว่าเราผ่านอะไรกันมาเยอะมาก คือไม่ว่าจะร้ายหรือดีหรือจะเจออะไรก็ตาม พี่ตูนก็ไม่เคยไปไหน คำพูดของพี่ตูนการกระทำของพี่ตูนที่พี่ตูนให้ก้อยคือ มันทำให้ก้อยมีแรงเดินต่อไปในทุกๆ วัน (ร้องไห้) จริงๆ คือชีวิตคู่ของเราผ่านเรื่องราวทุกอย่างมาด้วยกัน ชีวิตคู่ของเราเหมือนการวิ่งมาราธอนเหมือนกันนะคะ เพราะระหว่างทางเราต้องผ่านทั้งการฝึกซ้อมการอดทน ทางจะยากลำบากเราจะบาดเจ็บจะเป็นอะไรไหม พอสุดท้ายเราเดินไปถึงเส้นชัยแล้วมันสวยงามเสมอ ในวันนี้เหมือนเราเดินถึงเส้นชัย แต่มันคือการเริ่มต้นใหม่ๆ ในชีวิต”