สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เดินหน้าผลักดันประเทศไทยสู่ “เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Technology)” จัดงาน Startup Thailand Deep Tech 2025: DEMO DAY ณ ห้องสยามฮอลล์ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท เพื่อแสดงผลงานของผู้ประกอบการสตาร์ตอัปที่ผ่านการบ่มเพาะภายใต้โครงการดังกล่าว โดยมี ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน
ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA กล่าวว่า NIA ให้ความสำคัญกับการสร้างวิสาหกิจเริ่มต้น หรือสตาร์ตอัปที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech Startup) ซึ่งไม่เพียงสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง แต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมในภูมิภาค โดย NIA มุ่งพัฒนาให้เกิด Deep Tech Startup จำนวนมากขึ้น และสามารถสร้างตลาดใหม่เพื่อพลิกโฉมธุรกิจในปัจจุบันได้จริง
โดยในปี 2568 NIA ได้ดำเนิน “โครงการบ่มเพาะและเร่งสร้างวิสาหกิจเริ่มต้น” ตามแผนงานการส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกระดับภูมิภาค (Deep Tech Regionalization) เพื่อพัฒนาทักษะผู้บริหารวิสาหกิจที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก โดยใช้แนวทางการเรียนรู้จากการแก้ปัญหาจริง ร่วมกับการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ และการทดสอบผลิตภัณฑ์หรือบริการ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการแข่งขันทางธุรกิจในระดับภูมิภาคและระดับโลก
ผลงานของสตาร์ตอัปทั้ง 24 บริษัทที่ผ่านการทดสอบตลาดจริง (Proof of Concept: POC) ในวันนี้ ไม่ใช่แค่แนวคิดในห้องแล็บ แต่พิสูจน์แล้วว่ามีศักยภาพเชิงพาณิชย์จริง เรามีทั้งคนเก่ง (Talent) และเทคโนโลยี (Technology) ที่พร้อมก้าวไปสู่ระดับโลก โดยครอบคลุมเทคโนโลยีที่หลากหลาย ทั้งด้านสุขภาพ อาหาร สิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรมอัจฉริยะ เช่น
• Merlinium – สตาร์ตอัปด้านวัสดุขั้นสูงของไทย พัฒนา “สารประกอบเมอร์ลิเนียม (Merlinium Compound)” ซึ่งเป็นวัสดุนาโนกึ่งตัวนำและสารประกอบโลหะหายาก (Rare-Earth Materials) สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เลเซอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าวัสดุจากต่างประเทศ
• AthenaAI – แพลตฟอร์ม AI วิเคราะห์ DNA เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงโรคและการแพ้ยา ใช้เทคโนโลยี NGS ร่วมกับ AI วิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมแบบแม่นยำ
• Nicha Climate Tech – เทคโนโลยีดักจับและจัดเก็บคาร์บอน (CCUS) เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคอุตสาหกรรมและแปรรูปเป็นวัตถุดิบใหม่
• KOOM Air – ระบบ IoT ควบคุมเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะผ่านสมาร์ตโฟน ช่วยลดการใช้พลังงานในอาคารและลดการปล่อยคาร์บอน
• Rewastec – เทคโนโลยีรีไซเคิลขยะพลาสติกและวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร สู่เม็ดพลาสติกคอมโพสิตคุณภาพสูง ตอบโจทย์ Circular Economy
• FERSI X3 – เครื่องดื่มโปรไบโอติกช็อตเพื่อสุขภาพลำไส้และจิตใจ รวม Prebiotic, Probiotic และ Postbiotic ในขวดเดียว ไม่มีน้ำตาล เก็บได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น
• Modela AIoT – ระบบ AI + IoT สำหรับโรงงานอัจฉริยะ ที่เปลี่ยนข้อมูลจากเครื่องจักรสู่วิเคราะห์เชิงลึกแบบเรียลไทม์
ตัวแทนภาคอุตสาหกรรมที่ร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการเปิดเผยว่า “การร่วมงานกับสตาร์ตอัปในโครงการนี้ช่วยให้เรานำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ได้เร็วขึ้น ลดต้นทุนการวิจัยเอง และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในตลาดอนาคต”
ดร.กริชผกา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลงานทั้งหมดไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวคิด แต่คือ “ผลงานที่พิสูจน์แล้ว” ว่ามีศักยภาพในการใช้งานจริง มีรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ที่ชัดเจน และพร้อมเติบโตในเชิงพาณิชย์ ด้วยการนำเทคโนโลยีเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็น AI, Biotechnology, Advanced Materials หรือ Robotics มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างสรรค์ Solution ที่มีความทันสมัย จะเห็นได้ว่า “Deep Technology คืออาวุธทางเศรษฐกิจใหม่ ที่จะเปลี่ยนไทยจากผู้ผลิตตามคำสั่ง สู่ผู้สร้างเทคโนโลยีของตนเอง”
ทั้งนี้ ดร.กริชผกา ขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ “ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมธุรกิจสตาร์ตอัป พ.ศ. ….” ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ผ่านเว็บไซต์ https://uri.in.th/PGtns