จากการแถลงข่าวร่วมกันของ ฯพณฯ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ประธานอนุ–กรรมาธิการกีฬาอาชีพและอุตสาหกรรมกีฬา ในฐานะประธานอำนวยการจัดการแข่งขันฯ นายสนิท วรปัญญา นายกสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ร่วมกันเปิดเผยว่า
ทัวร์นาเม้นท์ WGP#1 เจ็ตสกีเวิลด์คัพ 2021-2022 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-16 มกราคม 2565 ณ เมืองพัทยา ประเทศไทย รายการนี้คือแกรนด์สแลมรายการเดียว ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างชัดเจนแล้ว จากการที่นักกีฬาทั่วโลกเข้าร่วมแข่งขันมากที่สุดตั้งแต่ปี 2018 นอกจากนั้น ก็จะมีความสำคัญเป็นสนามชิงชนะเลิศ “การแข่งขันเก็บคะแนนชิงแชมป์โลก” หรือ WGP#1 เวิลด์ซีรี่ส์ 2021-2022 ด้วย ที่แข่งเก็บคะแนนบน 3 ทวีปสำคัญของโลก ได้แก่ สนาม 1 ทวีปยุโรป ที่โปแลนด์, สนามที่ 2 ทวีปอเมริกา ที่อริโซน่า สหรัฐฯ และสนาม 3 ทวีปเอเชีย ที่ประเทศไทย โดยกลุ่มนักกีฬามือหนึ่งของโลกทั้งหมดต้องเข้ามาชิงแชมป์ที่เมืองไทย พร้อมเผยแพร่ออกอากาศไปกว่า 90 ประเทศทั่วโลก
ฯพณฯ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การพัฒนางานกีฬา ด้านทรัพย์สินทางปัญญา และการสร้าง Soft Power เป็นนโยบายที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ให้ความสำคัญขณะนี้ WGP#1 เริ่มมีแฟนกีฬาเกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป มีผู้ชมเติบโตสูงมาก สิ่งนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน แสดงให้เห็นว่า งานทรัพย์สินทางปัญญาฯ สามารถพลิกกีฬาเล็กๆ เป็นกีฬาใหญ่ ส่งออกตลาดโลก ที่มีประชากรกว่า 7,000 ล้านคนได้ โดยวางเป้าหมายแฟนกีฬาเพียง 5% กับ World Class Content ที่ไทยเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เท่ากับจะมีแฟนกว่า 350 ล้านคน ภายในปี 2567 ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้ประเทศไทยหลากหลายมิติเป็นอย่างยิ่ง
พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ในฐานะประธานอำนวยการจัดการแข่งขันฯ กล่าวเสริมว่า คณะกรรมาธิการ การกีฬา และคณะอนุกรรมาธิการกีฬาอาชีพและอุตสาหกรรมกีฬา วุฒิสภาเล็งเห็นและกำลังให้ความสำคัญอย่างยิ่ง กับเรื่องการพัฒนากีฬาด้านทรัพย์สินทางปัญญา จากแนวคิดของคุณปริเขต สืบสหการ ผู้อำนวยการทัวร์นาเม้นท์ฯ ที่ต่อสู้ทำแบรนด์กีฬาไทยไปสู่เวทีโลกสำเร็จ ได้รับความเชื่อถือ ทำให้ประเทศไทยอยู่ในฐานะผู้นำกีฬาเจ็ตสกีโลก
ในฐานะประธานอำนวยการจัดการแข่งขันฯ ไทยกำลังเห็นผลสำเร็จของการทำงานด้านSoft Power ก็คือการสร้างความเชื่อถือคนไทย ในผลงานระดับโลก เหนือสิ่งอื่นใด วันนี้ “ถ้วยเกียรติยศคิงส์คัพ เป็นถ้วยรางวัลโลก” ทั้งงานยังสนับสนุนการผลิตอุปกรณ์และเจ็ตสกีแบรนด์ไทยทั้งลำ ส่งออกขายตลาดโลก รวมถึงการสร้างนวัตกรรมกีฬาล่าสุดซึ่งไทยนำเปิดแข่งขันเยาวชนจับเวลาชิงแชมป์เป็นครั้งแรกของโลกด้วย
งานนี้ “ออก้า” ด.ช.นครา ศิลาชัย ลูกพ่อเปิ้ล–นาคร ศิลาชัย ประกาศขอสู้เต็มที่ ต้องขอขอคุณความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันสร้างความสำเร็จให้กับประเทศไทย ส่วนมาตรการป้องกันโควิด-19 ได้เตรียมดำเนินการอย่างเข้มงวดสูงสุดตามภาครัฐกำหนด เช่นเดียวกับในปีที่ผ่านมา
โดยพ่อเปิ้ล เผยถึงการเตรียมตัวของ ออก้า ลูกชายสุดหวงในการเข้าแข่งขันครั้งนี้ว่า
“ถือเป็นปีที่ยิ่งใหญ่อีกปีหนึ่งครับของวงการเจ็ตสกีประเทศไทย ถือว่าเป็นการจัดการแข่งขันที่ใหญ่ที่สุดในโลกดีกว่า ทั่วโลกก็จะมารวมตัวกันที่นี่ ซึ่งทางสมาคมเจ็ตสกีฯ เขาจัดการระบบสาธารณสุข ระบบการป้องกัน ค่อนข้างที่จะเข้มงวดมากๆ คือในสนามก็จะไม่มีคนดู นักแข่งแต่ละคนก็ต้องตรวจแล้วตรวจอีก ทั้ง swab มีผลจากโรงพยาบาล ฉะนั้นในสนามเรียกว่าปลอดภัยกันร้อยเปอร์เซ็นต์ในสนามแข่งครับ
ส่วนการเตรียมความพร้อมของออก้า ก็ซ้อมเกือบทุกวันครับ กินหนักมาก แต่ก็พยายามซ้อมให้เขาตามวัย ไม่ได้โหมหนักมาก เพราะเรากะว่ารออีกสัก 2 ปี ให้กล้ามเนื้อ กระดูกเขาแข็งแรงกว่านี้ก่อน ถ้าเทียบในระดับรุ่นพี่ ออก้าก็เด็กสุด 10 ขวบเอง ไม่รีบมาก แต่ก็หวังไว้ว่าเขาจะต้องทำให้ดีที่สุด เพราะชิงแชมป์ประเทศไทยปีนี้ก็เป็นปีแรกที่เขาขี่แบบเต็มที่ แล้วเขาก็ได้รองแชมป์ประเทศไทยมา จากที่เราคาดว่าได้สักที่ 5 ก็บุญแล้ว ดีใจแล้ว เขายังกระดูกไม่แข็ง แต่ได้รองแชมป์มาก็ถือว่าเกินคาด ปีนี้ก็ระดับโลก เขาลงแข่งในรุ่น Junior 1Lap slalom 8-13 Ski Lites รุ่นเยาวชนประเภทสลาลม อายุ 8-13 ปี เรือยืน เครื่องยนต์ 2 จังหวะ และ Jr.1Lap slalom 8-13 Spark Standard การแข่งขันครั้งนี้ของออก้าก็ไม่ได้หวังอะไรมาก ลุ้นแค่ว่าถ้าออก้าเข้ารอบ1 ใน 5 ได้ที่ 5 พ่อแม่ก็ดีใจแล้วครับ ส่วนเป้าหมายของตัวเองในปีนี้ ไม่ค่อยคิดมาก ขอแค่ได้ลงแข่งตามวัย ผมเป็นนักแข่งที่แก่ที่สุดในโลกนะ ตอนนี้ก็ 56 ปีแล้ว จริงๆ ก็หวังแชมป์นะ แต่ขอแข่งให้จบก็พอครับ”
โดยการแถลงข่าวจัดขึ้น ณ ห้องแถลงข่าวชั้น 24 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก